บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) หรือ IVL ผู้ผลิตเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลกที่ดำเนินธุรกิจอย่างยั่งยืน รายงานผลประกอบการรายไตรมาสที่ปรับตัวดีขึ้นอย่างชัดเจน แม้อุตสาหกรรมเคมีภัณฑ์ยังฟื้นตัวยากจากภาวะชะลอตัวที่ยืดเยื้อ และการบริหารกลยุทธ์ IVL 2.0 ระยะเวลา 3 ปีของบริษัทฯ ที่มุ่งเพิ่มขีดความสามารถทางการแข่งขันและขับเคลื่อนประสิทธิผล
อินโดรามา เวนเจอร์ส รายงาน Adjusted EBITDA[1] เท่ากับ 427 ล้านเหรียญสหรัฐ สำหรับไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 32 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากปริมาณการขายที่สม่ำเสมอ ส่วนต่างราคาของอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้น และการมุ่งเน้นเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์ให้เหมาะสม และลดต้นทุนคงที่ โดยไตรมาสนี้ถือเป็นไตรมาสแรกในปีนี้สำหรับอินโดรามา เวนเจอร์ส ที่ผลประกอบการปรับตัวดีขึ้นเมื่อเทียบปีต่อปี โดยทั้งสามกลุ่มธุรกิจต่างรายงานรายได้ที่เติบโตขึ้น หลังจากที่อุตสาหกรรมอยู่ในช่วงขาลงของวัฏจักรเป็นเวลานาน อันเห็นได้จากการระบายสินค้าคงคลังของลูกค้าและอัตรากำไรที่ปรับลดลงก่อนหน้านี้ โดยปริมาณการขายยังคงที่สำหรับกลุ่มธุรกิจ Combined PET และกลุ่มธุรกิจ Fibers ในขณะที่กลุ่มธุรกิจ Indovinya มีผลการดำเนินงานที่แข็งแกร่งในช่วง Peak Season ของตลาดโซลูชั่นทางการเกษตร
สำหรับแนวโน้มในอนาคต เศรษฐกิจโลกยังคงมีความผันผวนท่ามกลางภาวะเงินเฟ้ออย่างต่อเนื่อง ความตึงเครียดทางภูมิรัฐศาสตร์ และการหยุดชะงักของห่วงโซ่อุปทาน อย่างไรก็ตาม ตลอดช่วงภาวะถดถอยนี้ ฝ่ายบริหารที่มีประสบการณ์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส ได้ทำงานอย่างหนักเพื่อเพิ่มประสิทธิภาพและลดภาระหนี้ของธุรกิจภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 ของบริษัทฯ ที่พัฒนาขึ้น เพื่อสร้างความแข็งแกร่งยิ่งขึ้น และขับเคลื่อนคุณภาพรายได้ในยุคใหม่ที่มีการเติบโตของผลกำไรที่ยั่งยืน ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 ความมุ่งมั่นอย่างไม่ลดละนี้ส่งผลให้สามารถลดต้นทุนคงที่ได้ถึง 19 ล้านเหรียญสหรัฐ ซึ่งจะสามารถลดลงได้เพิ่มเติมตามลำดับในปีหน้าเมื่อได้รับประโยชน์อย่างเต็มที่ ทั้งนี้ อัตราการดำเนินงานของกลุ่มบริษัทฯ เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 82 ในไตรมาสนี้ จากเดิมที่อยู่ที่ร้อยละ 69 เนื่องจากบริษัทฯ ได้เสร็จสิ้นโครงการเพิ่มประสิทธิภาพตามแผนงานสำหรับกลุ่มธุรกิจ CPET และกลุ่มธุรกิจ Indovinya ส่วนกลุ่มธุรกิจ Fibers อยู่ระหว่างการดำเนินการ
โครงการการเปลี่ยนแปลงด้านดิจิทัลของบริษัทฯ มีความก้าวหน้าอย่างต่อเนื่องตามกำหนด จากการนำแพลตฟอร์ม SAP S/4HANA ERP มาใช้เป็นแกนหลักด้านดิจิทัล ทางอเมริกาเหนือได้รับประโยชน์จากโซลูชั่นการจัดซื้อจัดจ้างที่ใช้เครื่องมือ AI ในขณะที่แพลตฟอร์ม Connected Worker ช่วยยกระดับความเป็นเลิศด้านการผลิต คาดว่าโซลูชั่นการขายและห่วงโซ่อุปทานชุดแรกจะเริ่มใช้งานได้ในช่วงต้นปีหน้า
นายอาลก โลเฮีย ประธานเจ้าหน้าที่บริหารกลุ่มบริษัทฯ อินโดรามา เวนเจอร์ส กล่าวว่า “ผลประกอบการที่ดีขึ้นนี้พิสูจน์ให้เห็นว่าฐานการผลิตที่หลากหลายทั่วโลกของเราส่งผลดีต่อธุรกิจแม้ในช่วงที่ตลาดมีความผันผวน เราเห็นสัญญาณการฟื้นตัวของกำไรในอุตสาหกรรมของเรา ซึ่งเห็นได้จากผลการดำเนินงานที่ดีขึ้นในทั้งสามกลุ่มธุรกิจของเรา และเรายังคงมองโลกในแง่ดีด้วยความระมัดระวังว่าการฟื้นตัวนี้จะยังคงดำเนินต่อไป แม้ว่าจะเป็นไปอย่างค่อยเป็นค่อยไป เนื่องจากมีกำลังการผลิตส่วนเกิน นอกจากนี้ เราเริ่มได้รับประโยชน์จากการเปลี่ยนแปลงครั้งสำคัญที่เกิดขึ้นในองค์กรของเราปีนี้ ซึ่งรวมถึงการจัดหาเครื่องมือดิจิทัลใหม่ๆ ให้กับทีมผู้นำของเรา เพื่อช่วยให้พวกเขาขับเคลื่อนโครงการริเริ่มที่สำคัญภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 ที่สร้างการเปลี่ยนแปลงของเรา”
ผลการดำเนินงานของกลุ่มธุรกิจ
ในปีนี้ อินโดรามา เวนเจอร์ส ได้ทำการเปลี่ยนแปลงการดำเนินงานและโครงสร้างองค์กร รวมถึงการส่งเสริมผู้นำรุ่นใหม่ในแต่ละกลุ่มธุรกิจให้สามารถตอบสนองต่อการเปลี่ยนแปลงของตลาดได้อย่างคล่องตัว การปรับโครงสร้างองค์กรของกลุ่มธุรกิจ CPET กลุ่มธุรกิจ Fibers และกลุ่มธุรกิจ Indovinya ภายใต้กลยุทธ์ IVL 2.0 เสร็จสมบูรณ์แล้ว ในขณะที่การดำเนินการสำหรับธุรกิจบรรจุภัณฑ์ (Indovida) และธุรกิจรีไซเคิลยังคงอยู่ในระหว่างการดำเนินการ ทำให้ทีมผู้บริหารองค์กรมีศักยภาพมากขึ้น และสามารถมุ่งเน้นไปที่กลยุทธ์ได้
กลุ่มธุรกิจ CPET (รวมทั้งธุรกิจเคมีภัณฑ์ขั้นกลาง) รายงาน Adjusted EBITDA เท่ากับ 286 ล้านเหรียญสหรัฐ ในไตรมาสที่ 3 ปี 2567 เพิ่มขึ้นร้อยละ 27 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากอุปสงค์ของ PET ที่คงที่ และอัตราอ้างอิงที่ปรับตัวดีขึ้นเล็กน้อย โดยอัตราการดำเนินงานสำหรับกลุ่มนี้เพิ่มขึ้นเป็นร้อยละ 84 จากร้อยละ 69 ในไตรมาสก่อนหน้า เนื่องจากฝ่ายบริหารได้ดำเนินการตามโครงการเพิ่มประสิทธิภาพสินทรัพย์เสร็จสมบูรณ์
กลุ่มธุรกิจ Indovinya รายงาน Adjusted EBITDA ที่แข็งแกร่งเท่ากับ 103 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นอย่างมีนัยยะสำคัญถึงร้อยละ 93 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยช่วงพีคของฤดูกาลเพาะปลูกส่งผลดีต่อธุรกิจโซลูชั่นทางการเกษตร แลกลุ่มสินค้าเคลือบผิวและการก่อสร้างฟื้นตัวอย่างต่อเนื่อง
กลุ่มธุรกิจ Fibers รายงาน Adjusted EBITDA เท่ากับ 48 ล้านเหรียญสหรัฐ เพิ่มขึ้นร้อยละ 44 เมื่อเทียบปีต่อปี โดยได้รับแรงหนุนจากส่วนต่างราคาของอุตสาหกรรมที่ปรับตัวดีขึ้นในกลุ่มสินค้า Lifestyle และปริมาณการขายที่เพิ่มขึ้นในกลุ่มสินค้า Mobility และ Hygiene ทั้งนี้ ฝ่ายบริหารมุ่งเน้นลดต้นทุนคงที่ และเพิ่มความสามารถในการทำกำไรในกลุ่มธุรกิจทั้งหมด และการดำเนินการที่เด็ดขาดเพื่อฟื้นคืนส่วนแบ่งการตลาดในกลุ่มธุรกิจหลัก
เกี่ยวกับ อินโดรามา เวนเจอร์ส
บริษัท อินโดรามา เวนเจอร์ส จำกัด (มหาชน) เป็นบริษัทที่จดทะเบียนในตลาดหลักทรัพย์แห่งประเทศไทย (Bloomberg ticker IVL.TB) เป็นหนึ่งในบริษทเคมีภัณฑ์ชั้นนำระดับโลก มีโรงงานผลิตครอบคลุมภูมิภาคหลักทั่วโลก ได้แก่ ยุโรป แอฟริกา อเมริกา และเอเชียแปซิฟิก โดยมีกลุ่มธุรกิจหลัก ประกอบด้วย ธุรกิจ Combined PET ธุรกิจ Fibers และ Indovinya (เดิมคือ Integrated Oxides and Derivatives) ผลิตภัณฑ์ของอินโดรามา เวนเจอร์ส รองรับลูกค้าในกลุ่มอุตสาหกรรมสินค้าอุปโภคบริโภค การเกษตรกรรม ไลฟ์สไตล์ และยานยนต์ ซึ่งรวมถึงกลุ่มเครื่องดื่ม ผลิตภัณฑ์เพื่อสุขอนามัย ผลิตภัณฑ์ยางในรถ และผลิตภัณฑ์ด้านความปลอดภัย ปัจจุบันบริษัทฯ มีพนักงานทั่วโลกราว 26,000 คนและมีรายได้จากการขายรวม 15.6 พันล้านเหรียญสหรัฐในปี 2566 บริษัทฯ เป็นสมาชิกดัชนีความยั่งยืนดาวโจนส์ ระดับโลก (DJSI World) และกลุ่มประเทศเกิดใหม่ (DJSI Emerging Markets)
No comments:
Post a Comment