กระทรวงวัฒนธรรมจัดพิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์ ถวายพระพรชัยมงคลแด่สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดาพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว และสมเด็จพระนางเจ้าฯ พระบรมราชินี โปรดเกล้าฯพระราชทานผ้าไตรและสังฆทานถวายในการที่คณะสงฆ์วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม โดยพระเดชพระคุณพระพรหมวัชราจารย์ ประธานพิธีฝ่ายสงฆ์ ร่วมกับกระทรวงวัฒนธรรม โดย นายอิทธิพล คุณปลื้ม รัฐมนตรีว่าการกระทรวงวัฒนธรรม ประธานพิธีฝ่ายฆราวาส ร่วมกันจัดพิธีนวัคคหายุสมธัมม์ ถวายพระพรชัยแด่ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา ในโอกาสที่ทรงพระประชวร วันศุกร์ที่ ๑๖ ธันวาคม ๒๕๖๕ เวลา ๑๑.๓๐ น. ณ วัดราชประดิษฐสถิตมหาสีมาราม เขตพระนคร กรุงเทพมหานคร
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjBrPc-vAghTkVFfn_gJMSqa7ZDmofsE8S9qZpXdI1bSeT9uR-twMJr8VZL7oTS78B0YvOhK585WjLVaLwCkjJ8QlNb3LBEDh_slUPF5wfrrZXr0qfqetslbUYuRDd0O4dQ1uLuU-2aOeZoz-6TWvyfJabgq_DammZO9VH7Ty9mlMRSEF3RwbPaTsA1Eg/s16000/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%945.jpg)
นายอิทธิพล คุณปลื้ม กล่าวว่า กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนา ได้จัดพิธีเจริญนวัคคหายุสมธัมม์ในครั้งนี้ เพื่อเฉลิมพระเกียรติและถวายพระพร สมเด็จพระเจ้าลูกเธอ เจ้าฟ้าพัชรกิติยาภา นเรนทิราเทพยวดี กรมหลวงราชสาริณีสิริพัชร มหาวัชรราชธิดา และเพื่อให้พุทธศาสนิกชนที่เป็นพสกนิกรภายใต้พระบรมโพธิสมภารได้แสดงออกถึงความจงรักภักดี และสำนึกในพระมหากรุณาธิคุณต่อสถาบันพระมหากษัตริย์ ซึ่งการสวดมนต์หรือการเจริญพระพุทธมนต์นั้นมีมาตั้งแต่สมัยพุทธกาล โดยเชื่อว่าสามารถช่วยป้องกันภัยอันตรายจากโรคภัยต่างๆ และทำให้เกิดความสุขสวัสดี เมื่อผู้สวดมนต์ สวดด้วยความเคารพศรัทธาพร้อมกับแผ่เมตตาและทำใจให้สงบเป็นสมาธิก็จะทำให้พระปริตรนั้นมีพลังและอานุภาพยิ่งขึ้น นอกจากนี้ กระทรวงวัฒนธรรม โดยกรมการศาสนายังได้ประสานไปยังองค์การทางศาสนา ร่วมกันจัดพิธีทางศาสนาถวายพระพรแด่พระองค์ ณ ศาสนสถานตามธรรมบัญญัติของแต่ละศาสนาอีกด้วย
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEjbNKBHMOoz6eHa3KkkJWFV39UovHeP0R6hwHGd6K4em0GoukI2icEdWGK_oJw8pX_SsadhoNAVEQN76WULvRJYWNVfaurrw2_tHRmsq78BWufoFtWlZlOextQylgAChWOBMF1K1lMA9cAJoT8avpQaKGXewjnIMMiDcrG0wBHSPPaLow_J8X8d2kg_Ug/s16000/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%949.jpg)
![](https://blogger.googleusercontent.com/img/b/R29vZ2xl/AVvXsEiKGt9FWQw36ojfuw4BUKbtlcpHra3rMAQjDITFrJVcsP82PKla6vhA_IjOdd_xK9DHWxoj8EFlaPQEGt72HCUhFB_ive6oVgNVOyM899y3NOm_kOqqerq_lBbwTTVoKXCCyjcBBuR-Y3FAXZfHeVeEJPNOWRKy_0Yo4xnZs9rFrSn7gB8PC9G1nrqTLQ/s16000/%E0%B8%AA%E0%B8%A7%E0%B8%948.jpg)
สำหรับการสวดพระปริตรหรือพระพุทธมนต์นี้อันเกี่ยวเนื่องกับหลักโหราศาสตร์ที่เรียกว่า ดาวนพเคราะหประจำวันทั้ง ๙ คือ วันอาทิตย์ วันจันทร์ วันอังคาร วันพุธ วันพฤหัสบดี วันศุกร์ วันเสาร์ วันราหู (วันพุธกลางคืน) และวันที่สมมติอีก ๑ วัน ที่มีนามว่าพระเกตุ ซึ่งทำหน้าที่คุ้มครองบุคคลที่ไม่ทราบวันเกิด ซึ่งหลักคัมภีร์ทางโหราศาสตร์กล่าวไว้ว่า ในวันทั้งเจ็ดนี้มีเทวดาคุ้มครองเกี่ยวข้องด้วยกำเนิดมนุษย์ อันอาจส่งผลให้เกิดคุณเกิดโทษ ทำให้เกิดทุกข์โศก โรคภัย หรือทำให้เกิดความสุข ความเจริญรุ่งเรือง และอายุยืนยาวหรือสั้นได้ ซึ่งตามโบราณประเพณี เมื่อบุคคลอันเป็นที่เคารพนับถือมีอายุครบปีนักษัตรหรือรอบปีที่เป็นวาระสำคัญๆ ควรที่จะมีการบำเพ็ญกุศลครั้งใหญ่เพื่อให้เกิดความเป็นสิริมงคล ปราศจากโรคาพยาธิ มีความเจริญรุ่งเรือง อันเป็นการแสดงออกถึงความกตัญญูกตเวที ซึ่งเป็นเครื่องหมายคนดีตามหลักธรรมของพระพุทธศาสนา
No comments:
Post a Comment